ฟักทองแกงบวด
25 สิงหาคม 2559
08:51
อยากกินฟักทอง!
ก่อนหน้านี้ ฟักทองหายไปจากตลาดนานมาก ที่มีก็เนื้อไม่สวย ไม่น่ากิน แถมแพงอีกต่างหาก
พอไม่มีฟักทองในเส้นเลือดนานๆ มันตะเตือนไตนิดหน่อย พอร้านขายขนมทำฟักทองแกงบวด จึงต้องรีบซื้อมากิน
ตะเตือนไตหนักขึ้นไปอีก เมื่อน้ำกะทิฟักทองนั้น รสเหมือนน้ำเปล่าผสมน้ำตาล ไม่ได้หวานมากอะไร แต่ถือว่าจืดชืดที่สุด ยังงี้กินฟักทองนึ่งยังดีกว่า สุดท้ายกินไม่ได้ ต้องเปิดกะทิกล่องมาปรุงรสกันใหม่
เข้าใจว่ากะทิแพง แต่ถ้าทำแล้วไม่อร่อย สำหรับเรา สู้ไม่กินเสียดีกว่า (เพราะมันเป็นขนมไง กินเพราะอยากกิน ต้องกินให้อร่อย ถ้าเป็นข้าว เป็นอาหารที่ต้องกินให้อิ่มท้อง ให้มีแรง ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนกินกันไปให้มีพลังงานตกถึงท้อง)
พอไม่มีฟักทองในเส้นเลือดนานๆ มันตะเตือนไตนิดหน่อย พอร้านขายขนมทำฟักทองแกงบวด จึงต้องรีบซื้อมากิน
ตะเตือนไตหนักขึ้นไปอีก เมื่อน้ำกะทิฟักทองนั้น รสเหมือนน้ำเปล่าผสมน้ำตาล ไม่ได้หวานมากอะไร แต่ถือว่าจืดชืดที่สุด ยังงี้กินฟักทองนึ่งยังดีกว่า สุดท้ายกินไม่ได้ ต้องเปิดกะทิกล่องมาปรุงรสกันใหม่
เข้าใจว่ากะทิแพง แต่ถ้าทำแล้วไม่อร่อย สำหรับเรา สู้ไม่กินเสียดีกว่า (เพราะมันเป็นขนมไง กินเพราะอยากกิน ต้องกินให้อร่อย ถ้าเป็นข้าว เป็นอาหารที่ต้องกินให้อิ่มท้อง ให้มีแรง ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนกินกันไปให้มีพลังงานตกถึงท้อง)
ทำฟักทองแกงบวดกัน
- ตอนนี้ฟักทองถูกแล้ว ซื้อได้ เนื้อสวยอีกด้วย เนื้อแน่น มัน มีความหวาน นึ่งกินก็ยังอร่อยได้ กินของตามฤดูกาลนี่ดีจริงๆ เลย
ฟักทองแกงบวดสูตรกะทิกล่อง / Pafun JK.
ส่วนผสม สำหรับ ประมาณ 5 - 6 (ถ้ากินไม่มากก็ได้หลายคนอีก)
*ส่วนของน้ำตาล ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบค่ะ ใครชอบกะทิขาวๆ หรือไม่มีน้ำตาลปี๊บ จะใช้น้ำตาลทรายอย่างเดียวก็ได้ แต่ให้ลดปริมาณลง เพราะน้ำตาลทรายหวานกว่าน้ำตาลปี๊บในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มลดความหวานได้ตามชอบ แล้วแต่ชนิดของน้ำตาลด้วย แต่สำหรับเราระดับนี้กำลังกิน ไม่หวานเจี๊ยบ แต่ไม่จืด หวานๆ มันๆ หอมๆ ชื่นใจดีจัง กินร้อนได้ กินเย็นก็ดี
*น้ำตาลปี๊บ หนนี้ใช้น้ำตาลโตนด คนที่บ้านบอกหอมดีจริงๆ (กินโดยไม่รู้ว่าเราใช้)
*กะทิกล่อง รอบนี้ใช้อัมพวาที่เป็นขวดๆ อร่อยดีนะ ถ้าไม่มีอัมพวาใช้ยี่ห้ออร่อยดีก็ได้ 2 แบรนด์นี้เข้มข้นกว่าแบรนด์อื่นที่เคยใช้
*ถ้าจะใช้กะทิสด ก็เอาส่วนของกะทิกล่อง (1) + น้ำเปล่า แทนด้วยหางกะทิ ส่วนกะทิกล่อง (2) คือส่วนของหัวกะทิ
*เกลือป่น ชิมเอานะ ที่ใส่ไปก็ไม่ได้ตวงหรอก แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 1 ช้อนชา
*ใบเตยไม่มีก็ไม่ต้องใส่ แต่ใส่ไปก็อาจจะได้กลิ่นหอมลึกๆ อยู่
*สูตรนี้น้ำกะทิจะไม่เยอะนัก เพราะเรากินข้นๆ มันๆ ถ้าชอบกะทิเยอะ เพิ่มส่วนกะทิกับน้ำตาลตามชอบ เช่น เพิ่มหางกะทิ อีก 1 ถ้วย ก็ใช้กะทิกล่องกับน้ำเปล่าอย่างละ 1/2 ถ้วย ถ้ากลัวไม่มันก็อาจเพิ่มหัวกะทิไปด้วยก็ได้ และเพิ่มน้ำตาลอีกสัก 50 - 80 กรัม (จากสัดส่วนด้านบน กะทิ 1 ถ้วย / น้ำตาล 50 กรัม) และอาจเพิ่มเกลืออีกเล็กน้อย
เนื้อฟักทองหั่นท่อนแล้วประมาณ | 1 | กิโลกรัม |
กะทิกล่อง (1) | 1 1/2 | ถ้วยตวง |
กะทิกล่อง (2) | 2 | ถ้วยตวง |
น้ำเปล่า | 1 1/2 | ถ้วยตวง |
น้ำตาลปี๊บ | 200 | กรัม |
น้ำตาลทราย | 50 | กรัม |
เกลือป่น | 1 | ช้อนชา |
ใบเตย | 3 - 4 | ใบ |
*ส่วนของน้ำตาล ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบค่ะ ใครชอบกะทิขาวๆ หรือไม่มีน้ำตาลปี๊บ จะใช้น้ำตาลทรายอย่างเดียวก็ได้ แต่ให้ลดปริมาณลง เพราะน้ำตาลทรายหวานกว่าน้ำตาลปี๊บในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มลดความหวานได้ตามชอบ แล้วแต่ชนิดของน้ำตาลด้วย แต่สำหรับเราระดับนี้กำลังกิน ไม่หวานเจี๊ยบ แต่ไม่จืด หวานๆ มันๆ หอมๆ ชื่นใจดีจัง กินร้อนได้ กินเย็นก็ดี
*น้ำตาลปี๊บ หนนี้ใช้น้ำตาลโตนด คนที่บ้านบอกหอมดีจริงๆ (กินโดยไม่รู้ว่าเราใช้)
*กะทิกล่อง รอบนี้ใช้อัมพวาที่เป็นขวดๆ อร่อยดีนะ ถ้าไม่มีอัมพวาใช้ยี่ห้ออร่อยดีก็ได้ 2 แบรนด์นี้เข้มข้นกว่าแบรนด์อื่นที่เคยใช้
*ถ้าจะใช้กะทิสด ก็เอาส่วนของกะทิกล่อง (1) + น้ำเปล่า แทนด้วยหางกะทิ ส่วนกะทิกล่อง (2) คือส่วนของหัวกะทิ
*เกลือป่น ชิมเอานะ ที่ใส่ไปก็ไม่ได้ตวงหรอก แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 1 ช้อนชา
*ใบเตยไม่มีก็ไม่ต้องใส่ แต่ใส่ไปก็อาจจะได้กลิ่นหอมลึกๆ อยู่
*สูตรนี้น้ำกะทิจะไม่เยอะนัก เพราะเรากินข้นๆ มันๆ ถ้าชอบกะทิเยอะ เพิ่มส่วนกะทิกับน้ำตาลตามชอบ เช่น เพิ่มหางกะทิ อีก 1 ถ้วย ก็ใช้กะทิกล่องกับน้ำเปล่าอย่างละ 1/2 ถ้วย ถ้ากลัวไม่มันก็อาจเพิ่มหัวกะทิไปด้วยก็ได้ และเพิ่มน้ำตาลอีกสัก 50 - 80 กรัม (จากสัดส่วนด้านบน กะทิ 1 ถ้วย / น้ำตาล 50 กรัม) และอาจเพิ่มเกลืออีกเล็กน้อย
ขั้นตอนการทำ
สูตรถัดไป (รออัพ)
- ล้างฟักทองให้สะอาด ควักไส้ให้หมด ใช้มีดปอกผลไม้ปอกเปลือกบางส่วนออก (มีดธรรมดาก็ได้ แต่ลองใช้มีดปอกผลไม้ สะดวกและออกมาดี ล้างให้สะอาดอีกครั้ง หั่นเป็นชิ้นตามชอบ
ฟักทองแก่ ปอกเปลือกพองาม หั่นชิ้นตามชอบ - แช่น้ำปูนใสสักชั่วโมงสองชั่วโมง หรือจะไม่แช่ก็ได้ (น้ำปูนใสจะช่วยเคลือบผิวฟักทองไว้ ไม่ให้เละง่าย แต่ถ้าแช่นานไป เนื้อนอกจะแข็ง ด้านในจะหยัวๆ รสชาติจะไม่เข้าเนื้อ กินไม่อร่อยอีก)
แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้เนื้อฟักทองเละ - แช่เสร็จ ก็ล้างน้ำปูนใสออก ล้างหลายๆ รอบ ไม่งั้นจะมีกลิ่นปูนติดไปกับขนม และมีรสแปลกแปร่ง ทำให้ไม่อร่อยอีก
- ใช้ไฟกลาง ต้มหางกะทิ (กะทิกล่อง (1) + น้ำเปล่า) กับน้ำตาลทั้งหมด (หรือใส่ไปก่อนส่วนหนึ่งก่อน ถ้ากลัวว่าจะหวานไป) เขย่าหม้อไปด้วย กันกะทิแตกมัน หรือจะใช้ทัพพีคนก็ได้
หางกะทิ หรือหัวกะทิกล่อง + น้ำเปล่า กับใบเตยมัดปม น้ำตาลปี๊บ - พอเดือด ใส่ฟักทองลงไป พอเดือดอีกครั้ง ลดไฟลง ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ปิดฝาเคี่ยวฟักทองประมาณ 15 - 20 นาที (แล้วแต่ขนาดชิ้นของฟักทอง) เมื่อสุกสีฟักทองจะใสขึ้น
ชอบข้นๆ มันๆ เลยใส่หางกะทิน้อย แต่สามารถเพิ่มเองได้ตามส่วนค่ะ ฟักทองเริ่มใสขึ้น ใกล้สุกแล้วนะ - เทหัวกะทิลงไป พอเดือด ใช้กระบวยตักน้ำกะทิจากด้านหนึ่งไปเทอีกด้านหนึ่งของหม้ ทำจนทั่ว (ใช้แทนวิธีการคน เพื่อให้รสชาติความมันหวานนั้นถ้วนทั่วถึงกัน และฟักทองจะยังเป็นชิ้นสวย ไม่เละ) (ตักไปนิดเดียวเอง ถือกล้องไม่ถนัด นางหนักมากค่ะ)
- ชิมรสดู ถ้าหวานไปอาจเติมกะทิเพิ่ม รอจนเดือดจึงปิดไฟ ถ้าจืดไปเติมน้ำตาลทราย รอเดือด ใช้ทัพพีตักกะทิราดให้ทั่วเหมือนเดิม รสดีแล้วจึงปิดไฟ ตักเสิร์ฟ และรอหม่ำ!!
เรียบร้อย ฟักทองแกงบวดร้อนๆ กินอุ่นๆ ก็ดี แช่เย็นก็อร่อย เนอะ! ยังไม่อิ่ม ขอชิมอีกสักถ้วยสิ!
เรื่องน่ารู้
- วิธีทำน้ำปูนใส คือใช้ปูนแดง (ที่กินกับหมาก) หาซื้อได้ที่ตลาดสด ถุงละ 5 บาท 10 บาท นำมาผสมกับน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน แล้วกะตักน้ำด้านบนที่ใสๆ มาใช้ทำขนมได้เลย
- การเลือกฟักทองสำหรับทำขนม ควรเลือกฟักทองแก่เนื้อเหนียว ส่วนจะมันมากมันน้อยแค่ไหน ต้องอาศัยวาสนาของผู้ซื้อด้วย อิอิ
- ฟักทองแก่ ดูยังไง? ขั้นแรกดูสีเนอะ สีจะเขียวคล้ำๆ ติดเหลืองนิดๆ ได้ แต่อย่าให้เหลืองมากไป แก่มากไปก็ไม่อร่อยนะจ๊ะ
- การเคาะ จะช่วยในการสังเกตเบื้องต้น ถ้าดังเปาะๆ จะอ่อนไป ถ้าเสียงทึบๆ ก็จะแก่ แต่ถ้าเสียงฟังแล้วกลวงๆ อาจจะเป็นฟักทองเก่า ใกล้เน่าแล้วล่ะ
- การจับยก จะช่วยให้รู้น้ำหนัก เลือกหนักๆ แน่นๆ เนื้อแข็ง ถ้านิ่มคือจะเน่าแล้ว เก่าเก็บแล้ว อย่าซื้อ
- ฟักทองเหนียวดูยังไง? บอกเลยดูไม่ออกหรอก ที่ว่ากันว่าขรุขระนั้นดีกว่า ก็ไม่จริงเสมอไป บางทีซื้อขรุขระมา เนื้อไม่ดีก็มี เรียบๆ แล้วถูกใจก็มี ดังนั้น ใช้เล็บจิกดีที่สุด ถ้าผิวเค้าแข็งๆ มียางเหนียวๆ ใสๆ ติดเล็บมา นั่นละ เหนียวใช้ได้ จับมาทำขนมซะเลย
- นอกจากวิธีการด้านบนแล้ว ฝันเองชอบซื้อฟักทองอวบๆ มากกว่าฟักทองแบนๆ เพราะกลัวแฟนทิ้ง!! (มันใช่หรา? ^ | ^) ยังไม่ถึงขั้นว่าทดลองจนรู้ว่ามันเหนียวกว่า มันกว่าลูกแบนๆ หรือไม่ แต่ชอบที่ได้เนื้อเยอะ ชิ้นหนาดี แล้วส่วนใหญ่ก็ได้ดังใจด้วยนะ ซื้อฟักทองหลายสิบครั้งละ ได้เนื้อไม่ดี ไม่มันมาครั้งเดียวเอง อิอิ เค้าจะเลือกลูกที่ไม่แบนนะ แต่ไม่ได้กลมดิ๊กๆ คือทรงจะสูงหน่อย แต่ช่วงที่เว้าไปหาขั้วก็เว้าอยู่พอประมาณ ขั้วสดๆ ก็จะได้ฟักทองสด เนื้อนอกต้องดี ไม่มีริ้วรอยมาก หรือไม่มีเลยจะดีมาก ตรงส่วนนี้ไม่ว่าพืชชนิดไหนก็เหมือนกันหมด ถ้าข้างนอกสวย ข้างในก็มักจะสวยด้วย ถ้าข้างนอกมีรอย ข้างในก็จะไม่ดี อาจเละ หรือเนื้อด้าน
- ถ้าซื้อแบบที่เค้าผ่าให้เห็นเนื้อในแล้วก็ยิ่งดีง่าย เริ่มแรกก็เนื้อใน เละหรือไม่ สดหรือไม่ ดูผิวฟักทอง เนื้อใน และไส้ได้ตามใจชอบกันไปเลย จะเอาสักกี่กิโลก็ถามแม่ค้าเอานะ
- ณ เวลาที่เขียนบล็อกอยู่นี้ ราคาฟักทองอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 - 35 บาท ซื้อ 1 กิโลก็แกงบวดได้เป็นหม้อละ
- ฟักทองเป็นอาหารดีมีประโยชน์นะ มีวิตามินเอสูงมาก ที่สำคัญคือกินง่ายและอร่อย แต่ถ้าจะกินเน้นประโยชน์ ก็นึ่งเลยจ้ะ ทำง่ายๆ แค่ล้างฟักทองให้สะอาด จะนึ่งทั้งลูกให้เปลืองแก๊สก็ได้ หรือจะหั่นชิ้นก็ได้ ถ้าฟักทองญี่ปุ่นก็ไม่ต้องปอกเปลือกก็ได้ ฟักทองไทยเรา ก็ปอกออกนิดหน่อยก็ได้ หรือจะไม่ปอกก็ได้ ตอนกินถ้ากินไหวก็กิน กินไม่ไหวก็ใช้ช้อนตักกินแต่เนื้อฟักทองก็ง่ายๆ ทำให้ผู้สูงอายุกินก็ดีนะ ฟักทองเนี่ย แต่ควรเลือกฟักทองที่หวานในตัว ไม่ต้องเติมน้ำตาลเพิ่ม เดี๋ยวเบาหวานขึ้นจะมาโทษเค้าไม่ได้น๊า...
ลาด้วยนิราศฟักทองแกงบวดนะคะ ของอร่อย ไม่ต้องกินบ่อย แค่กินทุกวันพอค่ะ (ใช่หรา?) |
สูตรถัดไป (รออัพ)
อะไรดี?
ขอให้มีความสุขกับขนมไทยฝีมือตัวเองนะคะ แต่ถ้าขี้เกียจทำเอง Order หรือจะสั่งเบเกอรี่ เค้าก็ทำให้ได้นะจ๊ะ